คำถามโลกแตกของการไปไอซ์แลนด์คือ “รองเท้าคู่นี้จะโอเคไหมอ่ะแก”ใครไม่เคยถามประโยคนี้แสดงว่ายังไม่ได้คิดถึงการไปไอซ์แลนด์อย่างจริงจังนะคะ 55 ก่อนไปนี่ก็หาข้อมูลมากมายจากในเนตเช่นกันแต่มักไม่ค่อยมีรายละเอียดหรือมักบอกแค่ว่าเอาคู่นี้ไป ต้องเอาคู่ดีๆไปแต่ก็ไม่ได้มีการกลับมารีวิวซ้ำอีกทีว่ามันโอเคไหม ออกตัวก่อนว่าไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องรองเท้า trekking ลุยป่าลุยหิมะอะไร ไม่เคยได้ไปปีนเขาโน่นนี่ไรกับเค้าหรอกนะคะ ก็ได้ข้อมูลจากการอ่านเท่านั้น
เดี๋ยวกระทู้นี้เราจะพยายามรีวิวให้ฟังตามประสบการ์ณเท่าที่ไปพบเจอมานะคะ โดยการหาข้อมูลเป็นภาษาไทยเพราะคงต้องซื้อรองเท้าที่เมืองไทย มันก็มีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อในประเทศไทย เราหาจากหลายๆเวปกับไปดูมาตามห้างร้านต่างๆ ก็ได้ยี่ห้อมาประมาณนี้ค่ะ
- Northface
- Columbia
- Timberland
- Merrell
- พวกรองเท้า safty shoes ของวิศวกร และอุตสาหกรรมทั้งหลาย
- พวกรองเท้าบูทขนๆสีน้ำตาลแนว Ugg
ย้ำอีกทีว่าข้อมูลพวกนี้ที่จะนำเสนอด้านล่างเป็นข้อมูลที่ได้มาจากการอ่านรีวิวของuserในเนต กับที่เอาไปใช้มาเป็นประสบการ์ณส่วนตัวนะคะ ซึ่งไม่สามารถเอามาเหมารวมได้ว่าทุกคนจะมีประสบการ์ณแบบเดียวกันค่ะ แค่อยากเขียนไว้เป็นแนวทางให้คนอื่นๆประกอบการตัดสินใจเฉยๆนะคะ (บางรูปนี่คือตอนไปเดินดูราคามานะคะ ไม่ใช่ที่เอาไป ที่เอาไปอยู่ข้างล่างไปอีกนิด) สรุปว่า
- Northface เค้าว่าโอเคกัน ราคาตั้งแต่ 4,000-10,000 ราคาค่อนข้างสูง ที่บ้านก็มีคนเอารองเท้า Northface ไปใช้ เป็นคู่เก่าแล้วอายุหลายปี ผ่านมาหลายงานของพ่อกับน้องชาย ของน้องชายพื้นมันหลุดก่อนไปก็เลยเอาไปเย็บพิ้นกับร้านรองเท้ามาเลย ซึ่งก็ใช้ได้ดีไม่มีปัณหาอะไรระหว่างทริป ส่วนของพ่อไม่ค่อยได้ใช้วางทิ้งไว้ในบ้านนานอยู่ ปรากฎว่าพื้นไปหลุดที่โน่นก็เลยต้องอาศัยยืมทัวร์กับเช่ารองเท้าเอาค่ะ ที่เหลือก็ซ่อมแซมด้วยกาวกับเทปไปก่อนระหว่างทริปซึ่งก็ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ
- Columbia รีวิวค่อนข้างดีมาก ราคาตั้งแต่ 4,000-7,000 คนไทยส่วนใหญ่แนะนำยี่ห้อนี้กัน ซึ่งเราเองสรุปซื้อ Columbia ไปจากตอนที่ห้าง Central Embassy เอามาลดราคา 30% ดูรูปกับรุ่นด้านล่างนะคะ แล้วก็ยืมของเพื่อนมาให้แม่ใส่ด้วยคู่นึง
- Timberland เค้าว่าไม่ใช่รองเท้าที่เหมาะแก่การไปลุยที่ไอซ์แลนด์ แต่ไปถึงโน่นเราเห็นคนเอเชียใส่เดินกันเต็มไปหมด โดยเฉพาะรุ่นฮิตบูทผู้ชายที่ออกสีเหลืองๆอ่ะค่ะ คนใส่เยอะมาก ซึ่งเอาจริงๆเราคิดว่ามันก็พอสำหรับการไปเดินตามจุดชมวิวต่างๆของไอซ์แลนด์แต่มันกันน้ำหรือเปล่านี่ไม่ทราบนะคะ
- Merrell รีวิวค่อนข้างดีเช่นกัน แถมด้วยราคาที่แรงน้อยกว่าสองสามยี่ห้อแรกลงมานิดหน่อย สีสันหน้าตาอาจจะสู้สองอันแรกไม่ค่อยได้แต่คุณสมบัติเค้าว่าเหมือนๆกัน
- พวกรองเท้า safty shoes ของวิศวกร และอุตสหกรรมทั้งหลาย อันนี้ส่วนตัวเพราะมีรองเท้าแบบนีอยู่คู่หนึงหัวเป็นเหล็กกันนิ้วเท้าขาด พิ้นก็กันตะปูทิ่ม พื้นกันพวกสารเคมีและกันลื่น กันน้ำ แล้วก็รัดขึ้นมาถึงข้อ จริงคุณสมบัติมันดีนะปัญหาที่เจอกับตัวตอนใส่ทำงานคือมันหนักมากเดินกันทีนี่ได้กล้ามขาเลยทีเดียว ก็เลยตัดสินใจไม่เอาไป
-
คู่นี้ของเก่าของตัวเอง
- Ugg อันนี้น้องสาวเอาไป แต่มันไม่เหมาะกับการเดินทางแนวนี้ มันเปียกเข้าไปถึงถุงเท้าตลอดทริป (บอกก่อนว่าเป็นรองเท่าเก่าแล้วอายุประมาณห้าปี) รองเท้าชนิดนี้เหมาะกับการเดินเล่นในเมืองสวยๆค่ะ อุ่นมาก
ทิป: รองเท้าทุกยี่ห้อ ถ้าผ่านไปนานๆหรือไว้ตากแดด อาจจะมีสิทธิพื้นรองเท้าหลุดได้ ยังไงเช็คดูก่อนไปนะคะ ถ้าไม่ชัวร์เอาไปซ่อม ไปเย็บติดกาวหรือไรไว้ก่อนเลยก็ดีค่ะ ตอนเดินทางจะได้ไม่เครียด
Note: จริงๆเกือบทุกยี่ห้อมีรองเท้ารุ่นที่เขียนว่าใช้ลุยหิมะได้ แต่เราตัดสินใจไม่ดูเลยเพราะราคามันค่อนข้างสูง 7,000 บาทขึ้นไป เนื่องจากมองว่าถ้าซื้อรองเท้าลุยหิมะมาแล้วคงไม่มีโอกาสได้ใช้ เสียดาย ถ้าซื้อรองเท้า trekking แล้วยังอาจมีโอกาสได้ใช้ซ้ำอีก ถ้าใครมีงบกับอุปกรณ์การซื้อรองเท้าไปให้ถูกวัตถุประสงค์ก็ดีที่สุดค่ะ (อ่านการแยกประเภทกิจกรรมเราด้านล่างนะคะ)
รองเท้าที่ครอบครัวเราเอาไป
ส่วนตัวเราเอาไปสองคู่คือ Adidas Pure Boost คู่เก่าที่ใช้ไปท่องเที่ยว ออกกำลัง เดินเล่น ในชีวิตประจำวันมาตลอดปีที่ผ่านมากับ Columbia trekking omni waterproof คู่ใหม่ที่ซื้อลดราคามา
Adidas คู่นี้ใช้ที่ไทย ตั้งแต่เดินออกกำลัง ใส่ไปเที่ยว จับโปเกมอน ไปต่างประเทศ
ของ Columbia คู่ใหม่ จะเห็นว่าเลือกแบบหุ้มข้อ แล้วก็จะมีเขียน waterproof อยู่ตรงกลางล่างๆสีแดงๆ แล้วก็เลือกดอกยางที่มันปุ่มๆหน่อย
ของพ่อกับน้องชายใช้ Northface
หน้าตาเหมือนกันของสองคน อันนี้รอยกาวคือพ่อเราเอามาทาเองหลังกลับมา รองเท้านี่เคยไปเดินในหิมะที่ฮอกไกโดมาไม่มีปัญหา แต่มาพื้นหลุดระหว่างทริปนี้
ของแม่เรายืม Columbia ของเพื่อนมาให้
รุ่นคล้ายๆของเราเขียนว่า waterproof เหมือนกันแต่วัสดุด้านนอกเค้าดูบุๆนุ่มๆกว่า
ของน้องสาวใช้ Ugg คู่เก่าอายุห้าปี
ทิป: มีสเปรย์กันน้ำนะคะ น้องสาวเราเอามาจากไหนไม่รู้ ก็ใช้ฉีดรองเท้ากับเป้กันไว้ แต่ตอนไปเดินกลาเซียร์หรือฝนตกนานๆมันก็กันไม่อยู่อยู่ดี
กิจกรรมต่างๆที่แต่ละคู่ใช้ได้ใช้ไม่ได้
เนื่องจากกิจกรรมในไอซ์แลนด์นั้นมีหลายรูปแบบมากกก การเลือกเอารองเท้าไปก็ควรจะดูว่าจะไปทำอะไรเป็นพิเศษนะคะ จากที่เราไปเราจะแบ่งกิจกรรมออกเป็น3แบบตามเลเวลความโหดในความคิดเราเอง อย่าลืมว่าทั้งสามเลเวลคือจะมีโอกาสเจอฝนตกหรือหิมะตกเข้าไปแถมด้วยนะคะ ช่วงเวลาที่ไปคือเดือนเมษายนดังนั้นไม่มีหิมะค่ะ มีแต่ฝน
- เดินในเมือง / เดินดูวิวธรรมชาติตามจุดชมวิวต่างๆที่จอดรถลงแล้วเดินถึงเลย (adidas/ugg/ผ้าใบ/timberland)
- Trail ดูวิวธรรมชาติตามจุดชมวิวต่างๆที่ต้องมีการขึ้นบันได ไต่หรือปีนเข้าไปบางส่วนเพื่อไปถึงสถานที่เช่นน้ำตกลำธาร หรือ กิจกรรมเช่นนั่งเรือออกไปดูปลาวาฬที่เจอลมแรงๆ หรือ การตากลมล่าแสงเหนือตอนกลางคืน (รองเท้า trekking / columbia / northface ที่เราเอาไปโอเค)
- กิจกรรมลุยๆเช่น Glaciar walk, Ice cave และอื่นๆที่ต้องมีการเดินบนน้ำแข็งหรือหิมะ (คู่ที่คณะเราเอาไปไม่โอเคสักคู่)
แบบที่1 เดินในเมือง/ดูวิวแบบจอดรถถึงเลย (1,2,3 โอเค)
อันนี้ชิวๆที่สุดละ เราใส่ adidas เอาก็ยังได้ ถือว่าเอาอยู่แต่ใส่ถุงเท้าหนาๆหน่อย เวลาเดินพวกนี้อาจจะเจอฝนตกปรอยๆตลอดก็ยังพอไหว คือรองเท้ามันก็เปียกแต่ถ้าได้แวะเข้าที่ๆมีฮีตเตอร์ตลอดมันก็พอจะแห้งได้อยู่ รองเท้า Ugg กับแบบนี้ก็โอเคยกเว้นเวลาเจอน้ำขังเจ่อนองแล้วไปเหยียบอาจจะทำให้น้ำเข้ารองเท้าได้ สรุปคือรองเท้าผ้าไปธรรมดาเอาไหวอยู่
ดูน้ำตกริมถนนไปซุปเปอร์ซื้อข้าวกลับมาทำที่บ้าน
ดูน้ำพุร้อน Geyser ใน Golden circle
แบบที่2 Trail (2,3โอเค)
อันนี้แนะนำว่าอยากให้เป็นพวกรองเท้า Waterproof เวลาเลือกซื้อมันจะมีคำว่า Gore-Tex กับ Omni หรือ waterproof แล้วแต่ยี่ห้อให้ถามคนขายชัวร์สุด แล้วก็ควรเลือกรองเท้าโดยการดูจากดอกยางให้มันดูเป็นปุ่มๆหน่อย เพื่อให้มีการยึดเกาะที่ดีไม่ลื่นเวลาเดิน off road นะคะ การใส่รองเท้าที่เขียนว่ากันน้ำตรงนี้นอกจากจะช่วยกันละอองน้ำจากน้ำตก ฝนตกปรอยๆตลอดเวลาที่เราเจอสี่วันจากเจ็ดวันที่ไป แล้วมันยังช่วยให้เท้าเราอบอุ่นอีกด้วยคือพอใส่เข้าไปปุ๊ปเท้าอุ่นปั๊ป เราเข้าใจว่าเป็นเพราะถ้ามันกันน้ำเข้า มันก็คงจะกันความร้อนที่ออกมาจากตัวเราออกด้วยเช่นกัน
อันนี้จริงๆเป็นน้ำตกที่ต้องเดินลุยน้ำเข้าไป แต่คณะเราไม่ไป กลัวเปียก เสื้อส้มนั่นไกด์ค่ะ
ถ้ารองเท้าที่เลือกมามีข้อสูงก็ยิ่งดี เพราะเวลาอากาศหนาวหรือลมแรงตอนต่ำกว่า 5องศา ถ้าใส่รองเท้าข้อธรรมดามันจะเย็นตรงรอยต่อข้อเท้ากับกางเกงมาก บอกเลยทรมานมากไม่ควรลองค่ะ แถมยังช่วยป้องกันเรื่องข้อเท้าพลิกเวลาเดินบนดินบนหินได้ด้วยค่ะ กิจกรรมแบบนี้ Ugg หรือ ผ้าใบ Adidas เราไม่โอเคค่ะ Ugg ของน้องเปียกตั้งแต่ไปตากฝนเดินไปดูน้ำตกละ ไม่ควรใช้ ส่วนผ้าใบคือพอได้แต่มันหนาวข้อเท้าอ่ะแถมลมยังเข้าตามรูผ้าใบรองเท้าอีกพอทนไหวแต่ไม่ทนจะดีกว่านะ
สองรูปนี้คือเดิน trail ใน golden circle มีปีนหินที่เค้าทำเป็นบันไดนิดหน่อย แต่ฝนตกตลอดเวลากับลมพัดน้ำจากน้ำตกมาเปียกหมด จะเห็นว่ามีคนใส่ผ้าใบ กับรองเท้าขนนิ่ม เปียกหมดค่ะต้องเปลี่ยนรองเท้าตอนขึ้นรถ
ทิป: แถมอีกนิดว่าเราเคยใช้ผ้าใบ Nike ไปลุยหิมะที่ญี่ปุ่น คือมันก็ใช้ได้นะคะ เดินได้ไม่ลื่น แต่ด้วยความที่มันเปียกตลอดหมดทริปเจ็ดวันรองเท้าเปื่อย ขาดตรงนิ้วก้อยกับนิ้วโป้งทั้งสองข้าง ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงการเอาผ้าใบไปเปียกตลอดเวลาเพื่อเป็นการรักษารองเท้าของตัวเองไว้ดีกว่าค่ะ
แบบที่3 กิจกรรมลุยๆ (3โอเคอันเดียว)
ที่ไปเจอมากับตัวเองคือการเดินกลาเซียร์ หรือ Glacier Walk (รายะละเอียดเรื่อง Glacier Walk & Ice cave tour นี่เดี๋ยวจะเขียนแยกเป็นอีกบล็อกนะคะ) ลักษณะของการเดินกลาเซียร์ที่เราเจอคือการเดินบนน้ำแข็งด้วยตัวรัดหนามบนรองเท้าอีกทีเพื่อให้ยึดกับน้ำแข็งเป็นเวลาสามชั่วโมงท่ามกลางฝนปรอยสองชม.(ฝนก็ถือว่าหนักคือเราใส่แว่นตานี่น้ำเกาะตลอดมองทางไม่ค่อยชัด น้ำหยดจากเสื้อกันน้ำเป็นทางตลอด) แสดงให้เห็นว่ารองเท้าที่เราเอาไปใช้ไม่ได้ค่า!!! ไม่รู้ว่าเพราะมีเดินผ่านน้ำแข็งที่ละลายลงมาตลอดหรือเปล่า น้ำอาจจะซึมเข้าจากด้านล่าง หรือไหลมาจากกางเกงเข้ารองเท้าตลอดสี่ชม.ก็เป็นได้
เดินแบบนี้ประมาณสามชม.ค่ะหนามที่รัดรองเท้าคือสีส้มๆนะคะ เอาไปรองใต้รองเท้าเลย
อันนี้ตอนใส่หนามแล้วก่อนปีนนี่แค่ตีนเขา ดูกางเกงกันน้ำว่าเปียกแค่ไหน พื้นอีก
ลงมาจากเขาคือถุงเท้าชื้นมาก นั่งรถนี่หนาวเท้าตลอดเวลาและฮีตเตอร์ก็ไม่ได้ช่วยให้แห้งแต่อย่างใด ทรมานมากบอกเลย หลังจากทนสองชม.ต้องขอเปลี่ยนรองเท้าเป็นผ้าใบ ไม่อุ่นก็ดีกว่าเปียก รองเท้าที่เหมาะกับงานประเภทนี้คือ… เช่าเอาค่ะ!!! ก่อนไปกับทัวร์นี้เค้าจะพาไปที่จุดรวมตัวก่อน จะมีรองเท้า เสื้อผ้า ถุงมือ โน่นนี่ให้เช่าทุกอย่าง คู่ละ/อย่างละ 1,000kr หรือประมาณ 300บาท เช่าเลยค่ะ!!! แล้วมันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
ทิป: รองเท้าที่เค้าให้เช่านอกจากจะน้ำไม่เข้าแล้ว ยังเป็นลักษณะที่มีการป้องกันช่วงข้อเท้าด้วย คล้ายๆรองเท้าที่เล่นสกี เหมือนมันจะดามโครงด้วยเหล็กบริเวณข้อเท้า คือถ้าล้มจะล้มไปทั้งตัวเลย ป้องกันข้อเท้าพลิกและหักค่ะ ใครไม่เคยใส่อาจจะเจ็บๆและเดินลำบากหน่อย แต่มันปลอดภัยดีค่ะ
พ่อกับน้องสาวเช่ารองเท้าชีวิตดีมากที่เหลือสามคนรองเท้าเปียกกันหมด 555 หรือถ้าใครมีงบสามารถไปซื้อที่ไอซ์แลนด์ได้มีขายทั่วไป ตามปั๊มน้ำมันยังมีขายเลย แต่ราคาแรงมากเริ่มต้นที่ 30,000kr ไปจน 50,000 กว่าๆ (เท่าที่เห็นนะคะ) ก็ 10,000 บาทไปจน 25,000 บาท แต่มันดูดีแข็งแรงและสวยมาก ที่เมืองไทยไม่รู้มีหรือเปล่าไม่เคยเห็นหรือมันแพงจนไม่ได้สนใจก็ไม่รู้ ไม่ได้ถ่ายรูปไว้แต่ถ้าใครจะซื้อก็ search ว่า Glacier hike shoes ก็ได้ค่ะซื้อล่วงหน้าออนไลน์น่าจะถูกกว่าหน้างานเยอะ อันนี้จากที่กูเกิลมานะคะ เค้าก็ให้เช่าอะไรทำนองนี้ละค่ะ http://www.latrobemtsexcavations.com.au/trekking-glacier-hiking-asolo-drifter-gv-mn-donkey-gunmetal-trekking-travel-footwear-order-p-2487.html
จบการรีวิวรองเท้าแต่เพียงเท่านี้หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกคนนะคะ ถ้าใครรู้ว่ารองเท้าแต่ละแบบมีแหล่งหาซื้อที่ไหน หรือมียี่ห้ออื่นๆแนะนำก็พิมพ์ไว้ในคอมเมนต์เป็นวิทยาทานให้คนที่เข้ามาอ่านกันก็ดีค่ะ
บันทึกทริปไอซ์แลนด์ เมษายน 2560
อ่านตอนแรกเรื่องการล่าแสงเหนือได้ที่นี่ https://alongthewaymoment.wordpress.com/2017/04/16/aurora-hunting-tips/
สามารถติดตามเกร็ดความรู้การท่องเที่ยวโดย Along the way ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/alongthewaymoment/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCxR8FI0QwT-gL8RikAvyjKw
WordPress: https://alongthewaymoment.wordpress.com
5 ความเห็นบน “รีวิวรองเท้าที่ใช้ในไอซ์แลนด์ รองเท้าสำหรับลุยหิมะ อากาศหนาว และปีนเขาน้ำแข็ง คู่ไหนใช้ได้ไม่ได้มาดูกัน”