แบ่งปันประสบการณ์ Midlife crisis วิกฤตวัยกลางคนของคุณเป็นยังไง เราทำอย่างไรเพื่อให้กลับมาโอเค

เบื่อชีวิตช่วงนี้สุดๆ ทำงานเดิมๆมาหลายปี รู้สึกว่างานไม่มีความหมาย รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า รู้สึกไม่ก้าวหน้า ไม่เจอสิ่งที่ชอบ ไม่กล้าเปลี่ยนงานแต่ก็โคตรเบื่องานประจำ ลองทำอะไรเล็กๆเองก็ดูเหมือนจะไปไม่รอด เพื่อนๆก็ดูก้าวหน้าได้ดิบได้ดีกันไปหมด ทำไมเราไปไม่ถึงไหนเลย ทำอย่างไรดี?

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ อ่านแล้วมันโดนใจของคุณไหม ถ้าคุณอายุ 30-45 แล้วมีความรู้สึกพวกนี้ติดต่อกันมาหลายๆปีแล้ว ชีวิตวิตกกังวล เครียด ซึมๆ เศร้าๆ หงอยๆ คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งในหลายล้านคนที่กำลังเจอกับ midlife crisis หรือวิกฤตวัยกลางคนอยู่ก็ได้

ผู้เขียนก็คงถึงวัยไปกับเค้าด้วยเริ่มมีอาการที่ว่ามาตั้งแต่สองสามปีที่แล้ว (ตอน33) แต่ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองอาการดีขึ้นเริ่มมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจและทางออกทางความคิดมากขึ้นก็เลยอยากจะมาเขียนเล่าไว้ เผื่อใครผ่านไปผ่านมากำลังไม่สบายใจอ่านแล้วอาจจะทำให้เห็นทางออกเล็กๆน้อยๆให้ตัวเองก็ยังดี ตอนเราเครียดเราก็หาอ่านหาดูเยอะ ช่วยได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็ยังดีที่รู้ว่าเราไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว ใครๆเค้าก็เป็นกัน!

ผู้เขียนไม่ใช่แพทย์หรือจิตแพทย์ไม่ได้รู้เรื่องละเอียดซับซ้อน ดังนั้นขอให้เข้าใจว่านี่เป็นการเล่าประสบการณ์ส่วนบุคคลให้ฟังเฉยๆนะคะ

  1. เราไม่ได้รู้สึกแบบนี้อยู่คนเดียว – การรู้สึกแบบนี้ไม่ผิดค่ะ ไม่ต้องกังวลมันเป็นเรื่องปกติของช่วงชีวิต บางทีเราก็สับสนในตัวเองชีวิตมันก็ไม่แย่ งานก็มีทำ รายได้ก็ใช้ได้ ครอบครัวคนรอบข้างก็ดี ถ้าคนอื่นมองเราก็มีชีวิตที่ดีแต่ทำไมเราไม่พอใจกับสิ่งที่เรามี เราคิดเยอะหรือหวังเยอะไปเองหรือเปล่า? มั่นใจว่าหลายๆคนก็คิดแบบนี้ แต่ความจริงคือเราไม่ได้คิดเรื่องแบบนี้อยู่คนเดียวค่ะ เพื่อนที่เราดูว่าชีวิตเค้าดีกว่าหรือแย่กว่าเราทุกคนก็มีความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน เราเองไปสัมมนาหรืออบรมมาบ้างเพื่อพูดคุยกับคนที่สายงานใกล้ๆกัน ปรากฎว่าเป็นซึมเศร้ากันทุกคนจ้าาา ไปมาสามสี่งานแล้วก็เลยได้คิดว่า เออ คนที่เราว่าเค้าเก่ง เค้าเป็นไอดอลเค้าก็ผ่านจุดนี้มาเหมือนกัน
  2. ชีวิตก็แบบนี้ หมายความตามนั้น ทุกคนก็มีช่วงที่ขึ้นที่ลง เบื่อบ้าง สนุกบ้าง ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปเหมือนช่วงยากๆที่ผ่านมาอื่นๆของชีวิต
  3. ต้องลองก้าวข้าม comfort zone ของตัวเองบ้าง เล็กๆก็ยังดี ก็ลองไปทำอะไรใหม่ๆดู อย่างปกติเราไปสัมมนาก็จะไปแล้วกลับไม่เคยอยู่ networking กับใคร หลังๆก็มักจะอยู่ เขินๆไม่รู้จะคุยกันใคร ก็เดินเข้าไปในวงเค้าแล้วบอกว่าขอฟังด้วยนะคะ ก็ได้เพื่อนใหม่ๆมาบ้างนะ หรือในที่ทำงานลองขอความรับผิดชอบงานเพิ่มจากที่ไม่เคยทำดู ผิดพลาดบ้างก็ดีกว่าเจอเรื่องน่าเบื่อเดิมๆทุกวันนะ
  4. ยอมรับความจริง บางทีเราก็อาจจะไปไม่ได้ไกลอย่างที่ตัวเองอยาก ด้วยเพราะความขี้เกียจ ติดสบาย มีความพอใจแล้วก็ได้ เพราะว่าถ้าอยากทำหลายๆอย่างเราก็คงทำไปนานแล้ว ที่ผัดวันประกันพรุ่งมาหลายปีนี่ จริงๆแล้วอาจจะไม่อยากทำก็ได้นะ 55
  5. Unfriend, unfollow หรือ Snooze เพื่อนๆคนรู้จักใน Facebook ที่เรามักจะอิจฉาชีวิตเค้าออกไปบ้าง! อันนี้ได้ผลสุดๆนะ ยิ่งจิตตกยิ่งมี crisis เห็นแต่ความอวดใน Facebook แล้วยิ่งแย่นะ บางทีชีวิตคนอื่นก็อาจจะไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่เค้าเลือกแต่ด้านดีๆมาให้เราเห็น แล้วเราเองก็ดันไปอิจฉาเค้า ไปทับถมตัวเองไง อันนี้แนะนำเลยใครอ่านแล้วไปกด snooze 30 วันก่อนรับรองดีขึ้นทันตาเห็น
  6. หาเป้าหมายใหม่ให้ชีวิต ชีวิตมันนิ่งๆไม่รู้จะทำอะไรต่อ รู้สึกลอย ว่างเปล่า ไม่มีความหมายก็ลองตั้งเป้าให้ชีวิตดูนะเอาแบบง่ายๆ อย่างตอนนี้เราตั้งเป้าว่าจะเรียนภาษาจีนให้ได้ในระดับที่เอามาเป็นอาชีพล่าม หรือไกด์ หรือให้พูดจีนได้แบบที่ไปทำอาชีพปัจจุบันของเราที่ประเทศจีนได้ พอมีเป้าหมายแล้วก็ไม่เวิ้งว้าง แต่ที่แน่ๆคือทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มเรียนแต่สบายใจละ มีเป้าหมายใหม่ละ ไว้ว่างจะไปเรียนนะ อิอิ บางคนก็ไปเรียนกีตาร์ ไปทำงานอาสา ไปสอนหนังสือ ลองหาดูค่ะหาอะไรที่เป็นระยะยาวหน่อยกับได้เจอผู้คนใหม่ๆก็จะช่วยให้เรารู้สึกมีแผนสำรองให้ชีวิตมากขึ้น
  7. หันมาดูแลสุขภาพและตั้งเป้าหมายด้านสุขภาพ อายุก็มากขึ้น ร่างกายเริ่มเข้าสู่ขาลง การมีร่างกายที่แข็งแรงก็จะช่วยคุณให้จิตใจดีขึ้นได้นะคะ อาจจะลองลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะรู้สึกดีกับตัวเองแล้วมันยังทำให้เรามีเป้าหมายเล็กใหม่ๆในชีวิตที่ว่างเปล่าตอนนั้นอีกด้วย
  8. เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เราผ่านมาจะครึ่งชีวิตแล้วไม่ต้องไปวิ่งตามสิ่งที่คนอื่นเค้าบอกว่าควรมีควรเป็นหรอก ดูแค่ว่าเราจริงๆแล้วต้องการอะไรก็พอ
  9. ปรับความคิดและมีความสุขกับทุกวัน เอาจริงๆที่อยู่แบบเดิมๆมาได้หลายๆปีก็ต้องเพราะมันมีอะไรดีนี่แหละ ไม่งั้นก็คงไม่ทนอยู่หรอก แต่พอมันผ่านไปนานๆเราอาจจะลืมมองข้ามมันไป ลองมองย้อนเมื่อปรับอารมณ์ตัวเองได้อีกทีนะคะ จำเหตุผลที่คุณมาเริ่มที่นี่ได้ไหม?

พอจะได้ไอเดียในการเผชิญกับ midlife crisis บ้างไหมคะ? เราแนะนำทำข้อ 5 ก่อนใครเพื่อนแล้วอาการจะดีขึ้นทันทีในหนึ่งเดือนแรกที่ทำ 55 ของเราทำข้อ 6 ต่อเลยก็ยิ่งช่วยได้มากทีเดียว

ข่าวดีคืออาการ midlife crisis นี่จะหายไปแน่นอน! ทุกคนจะเผชิญประมาณ 2-3ปี แล้วเราก็จะปรับอารมณ์ได้หรืออีกทางนึงคือเรารู้จักยอมรับความจริงมากขึ้นและปรับทัศนคติในการใช้ชีวิตใหม่ได้แล้ว หรือบางคนอาจจะได้โอกาสในการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางใดทางหนึ่งไปเลยจากช่วงวิกฤตนี้ก็กลายเป็นโอกาศ แล้วอาการมันก็จะค่อยๆหายไป ถ้าคุณเพิ่งเริ่มเป็นขอให้สบายใจได้ คนอื่นๆเค้าก็ผ่านอาการคล้ายๆคุณมาหรือแค่ยังไม่เป็นเท่านั้นเองค่ะ สู้ๆนะคะ แล้วมันก็จะผ่านไปค่อยๆให้เวลาตัวเองตกผลึกความเข้าใจเสียก่อน

Along the way
October 2018

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s