วันนี้จะมารีวิวอีกหนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อไป South Africa หรือแอฟริกาใต้ก็คือการขึ้นรถส่องสัตว์นั่นเองงงง เรามักเรียกกันว่าไปซาฟารีหรือที่นั่นเค้าเรียกว่า Game Drive นั่งรถหาสัตว์หายากที่เรียกว่า “Big5” ก็คือห้าสัตว์ที่ได้รับการจัดลำดับว่าอันตรายที่สุดตั้งแต่สมัยก่อนที่เค้าออกล่าสัตว์กันด้วยเท้า เป้าหมายของการไปส่องสัตว์คือได้เจอะเจอกับเจ้าสัตว์ทั้งห้านี่เองอันได้แก่
- เสือดาว (African Leopard)
- ช้าง (African elephant)
- สิงโต (African lion)
- ควายป่า (Cape buffalo)
- แรด (Black rhinoceros)
ถ้าโชคดีก็จะเจอครบทั้งห้าตัว เดี๋ยวติดตามอ่านไปนะคะว่าคณะเราเจอกี่ตัว
การไปเที่ยวแอฟริกาใต้หนนี้เราไปกับทัวร์ วันที่ไปส่องสัตว์นี่ถ้าไม่ผิดจะ 30 ธันวา 2018 นะคะ อากาศทั่วไปที่ Cape Town ก็กำลังดีไม่ร้อนมาก แต่โซนที่เราไปส่องสัตว์นี่สิมันไม่ใช่! ต้องขับรถออกจากเคปทาวน์ซึ่งติดทะเลเข้าไปด้านในแผ่นดินประมาณสองสามชั่วโมงเพื่อไปเจอกันความร้อนแบบแอฟริก๊า แอฟริกา ร้อนและแห้งยิ่งกว่าเมืองไทยจะเป็นลม 555
ก่อนไปเราก็ตื่นเต้นเลยหาข้อมูลตามเนตเพิ่มเสียหน่อยแล้วก็ได้พบว่าถ้าไปกับทัวร์คือเราจะได้สถานที่ที่เป็นประมาณซาฟารีเวิรลของที่โน่นคือเค้าซื้อสัตว์มาแล้วมาปล่อยในที่โล่งกว้างๆๆๆ แล้วก็พาเราเข้าไปชม สัตว์ทั้งหมดอยู่ในรั้วที่ล้อมอยู่แล้ว ดังนั้นโอกาสเจอครบทั้งห้ามีสูงมาก แต่มันไม่ใช่การส่องสัตว์ป่าแบบธรรมชาติแน่นอน ไม่เหมือนกับภาพเวลาเราเห็นในสารคดีที่เค้าไปถ่ายตามทุ่งหญ้านะจ๊ะ แต่ก็โอเคนะเราว่าสนุกสนานมากมายพอเพียงละ ชื่อของ game drive reserve นี่คือ Aquila Safari Private Game Reseve นะจ๊ะเพื่อใครอยากไปตามรอย
อะๆต่อไปจะเล่าประกอบรูปนะคะ มาถึงก็ถ่ายกับป้ายก่อนเลยตามนี้ (ขอบคุณเพื่อนที่เป็นแบบให้ 55) ที่นี่เป็นที่ๆเราจะกินบุฟเฟต์อหารเที่ยงกันก่อนด้วย
ด้านในก็แต่งสวยงามสถาปัตยกรรมแบบแอฟริกาดี มีรูปปั้นเหล็กสิงสาราสัตว์ไว้ให้ถ่ายรูป
ต่อมาก็จะด้านในเพื่อไปกินอาหารกัน รูปที่สองคือโถงอาหารเราไปนั่งกันข้างบน แต่งสวยมารูปด้านขวาสุดคือมองออกมาจากระเบียงชั้นสอง
สวยเว่อร์ ด้านหลังจากตรงนี้ไปคือเป็นโรงแรมให้แขกมาพักละ คนนอกแบบเราเข้าไปไม่ได้เห็นสระว่ายน้ำแล้วอยากจะกระโดดลงไปเหมากับความร้อนประมาณ 45องศาตอนนี้เป็นอย่างดี
ดูวิวสิเธอว์
วิลล่าเดียวทางซ้ายน่านอนโคตรๆเค้าบอกว่าตอนกลางคืนอุณหภูมิจะลดเหลือประมาณ 10กว่าองศา อากาศแบบทะเลทรายกันไปเย
ด้านขวาก็จะเป็นรร.แบบเป็นห้องๆ
อาหารกลางวันบุฟเฟ่ต์ไม่ได้ถ่ายมารีวิวนะคะ ไม่มีอะไรไก่บ้างเนื้อบ้าง ผักต้ม ขนมปัง ถั่ว โน่นนี่ไม่มีอะไรโดดเด่น เสร็จแล้วก็ให้ออกมาขึ้นรถ อันนี้รูปถ่ายที่จุดแวะพักข้างในแล้วนะคะ รูปตอนขึ้นรถไม่เห็นทั้งคัน คันใหญ่นี่นั่งกันไปเกือบ 20 คน ของเรานั่งคันเล็กข้างล่างนั่งได้เก้าคน ชอบที่ได้นั่งคันเล็กมากกว่ารู้สึกใกล้ชิดดี 555 จริงๆไม่ได้เลือกอะไรพอดีบ้านเรามีหลายคนแล้วไกด์ต้องนั่งไปกับคนหมู่มาก เค้าเลยเอาพวกที่ภาษาได้ไปนั่งกันเองกับ ranger(คนขับที่พาชมสัตว์และบรรยายไปด้วย) เค้าเน้นให้คุยกับเรนเจอร์เยอะๆ จะได้อินแล้วพาเราดูโน่นนี่
นี่เรนเจอร์ของเราน่ารักมากคุยเก่งดูสดใสตลอด
อยู่กันบนรถก็ประมาณนี้ แดดแรงมาก ลมแห้งมาก ปากเปิกนี่แดงไปหมดต้องคอยจิบน้ำตลอด เห็นใส้เสื้อกันหนาวตลอดบอกเลยว่าไม่ร้อนดีกว่าโดนแดดเผาไม่ไหวอ่ะ ร้อนแห้งจนเหมือนผิวจะแตกออก
ที่ชอบมากๆก็คือวิว วิวแปลกหูแปลกตาคนไทยอย่างเรามากๆ สวยดีนะดูยิ่งใหญ่ดี
เราจะเดินทางไปสู่ความเวิ้งว้างงงง นี่คือถ้าเค้าปล่อยลงกลางทางให้เดอนกลับคงแห้งตายกลายเป็นธุลีไปก่อน
รถก็พาวิ่งๆฝุ่นเยอะมาก แล้วก็กระแทกนิดหน่อยค่ะ วัยรุ่นไม่เป็นไร พ่อแม่เราก็ไม่เป็นไร ถ้าใครหลังไม่ดีควรเอาเบาะรองมาเอง ขับเข้ามาจากประตูสักพักก็มาเจอแนวกั้นแรกด้านในเป็นควายป่าแหละ อยู่ไกลมากกก ส่องด้วยเลนส์ 210mm แล้วได้แค่นี้ เจอตัวแรกละ มากันบ่ายๆแดดแรงสัตว์ก็ไม่คึกคัก
ออกมาต่อที่จุดต่อไป (เหมือนเค้ารู้นะ) พาไปเจอน้องแรด แถมน้องแรดยังเพิ่งมีลูกอีก เจ้าตัวเล็กนี่น่าจะเพิ่งไม่กี่เดือน แม่มันก็นอนรถวิ่งเข้าไปใกล้หน่อยตัวเล็กรีบลุกขึ้นมามองหน้า หน้าตาเอาเรื่องนะเรา เจอบิ๊กที่สองละ
ตัววัลลาบี เค้าบอกว่าเป็นอาหารของนักล่าทั้งหมด กวาง ม้าลาย ยีราฟก็มีหลายตัวอยู่เห็นระหว่างทางเรื่อยๆ ไม่เยอะเท่าไหร่แต่ก็พอมี ตามจุดต่างๆจริงๆก็จะเห็นว่าเค้ามีเอาหญ้ามาให้มันกินกันเป็นจุดๆมีบ่อน้ำที่ทำจากคอนกรีตไว้ห่างๆกัน
หลังจากตรงนี้เค้าจะพาแวะจุดพักรถก่อนเพื่อให้ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ และกินไวน์องุ่นกัน 555 ที่นี่ขยันเสิรฟไวน์กับ น้ำองุ่นโซดามากๆ ก็ดีนะต้องดื่มน้ำเยอะมันแล้งเหลือเกิน ที่จุดพักเราเลยได้ถ่ายรูปกับรถกันตามที่เห็นด้านบนค่ะ
ขับไปได้สักพักก็จะได้เวลาไปดูสิงโตกันละ เค้าบอกว่าสิงโตที่นี่จะได้มากจากการซื้อออกมาจากตัวที่โดนเลี้ยงไว้ให้คนมาล่า คือที่แอฟริกาเนี่ยมันมีธุรกิจอย่างนึงคือเค้าเลี้ยงสัตว์ป่าพวกเสือ สิงโต หรือ ตัวที่โหดๆหายากไว้ เพื่อให้ชาวต่างชาติหรือคนที่ชื่นชอบในการล่าสัตว์มาจ่ายเงินเพื่อทำ Trophy hunting ได้ หรือว่าง่ายๆคือ จ่ายเงินเพื่อสร้างเกมล่าสิงโตนั่นเอง อารมณ์แบบเลี้ยงมันไว้ใครอยากได้หัวก็มาจ่ายเงินเอาปืนกับรถไปไล่ล่าสิงโตตัวที่ปล่อยให้ออกวิ่ง ประเด็นนี้ได้ยินมาหลายทีแล้วมันก็พูดยากเค้าว่ารายได้จากตรงนี้ก็เอากลับไปดูแลรักษาสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ต่างๆ เพราะราคามันก็ไม่เบาเลย พูดเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกไม่ค่อยดี
อะ กลับมาที่ของเรากันต่อดังนั้นสิงโตในซาฟารีนี้จะไม่ดุ เพราะโดนเลี้ยงด้วยคนมาตั้งแต่เด็ก เค้าแยกกรงกั้นมันไว้ก็จริงแต่รถที่พาพวกเราเข้าไปก็คือรถคันเดิมไม่มีกรงใดๆทั้งสิ้นถ้ามันวิ่งมาหาเค้าก็คงบึ่งรถหนีเอา 55 เค้าบอกว่าที่นี่ให้อาหารเป็นเนื้อสัตว์ แล้วก็นานๆทีจะปล่อยกวางเข้าไปให้พวกมันหัดล่าบ้าง
เข้าไปปุ๊ปเจอเลย รูปที่เห็นนี่คือเล็งซูมไกลมากๆๆๆ ถ้ามองด้วยคาเปล่าจะเห็นแค่สองตัวไกลๆๆๆ มันก็หลบแดดกันอยู่งั้นแหละ เราก็ถ่ายกันเข้าไป บิ๊กไฟว์ตัวที่สาม
ระหว่างทางพวกเราก็พยายามมองหาเสือดาวกัน เพราะเค้าปล่อยมันอิสระ ตัวคงไม่ใหญ่หายากมากกับวิวที่สุดจะเวิ้งว้างนี้
เป้าหมายต่อไปคือไปหาช้าง ranger เค้าก็จะว.หากันตลอด เหมือนรู้ว่าอยู่ที่ไหนก็รีบบึ่งพาไป
นี่เลยบิ๊กไฟว์ตัวที่สี่ สวยมากกกก ดูสง่างามดีอ่ะ เดินกันในวิวที่อลังการขนาดนี้
รถเค้าก็พยายามเดาว่าช้างจะไปทางไหนแล้วจะวนรถยังไงดีจนสุดท้ายมาดักที่หน้าทางผ่านได้ เลยได้ช็อตใกล้ๆนี่มา
พอเสร็จจากช้างก็กลับสู่อาคารด้านหน้า รวมเวลาทั้งหมดตั้งแต่ออกรถน่าจะประมาณ 3ชม.ได้ สนุกดี พวกเราได้เห็นทั้งหมดสี่อย่างจากห้า ถึงมันไม่ค่อยธรรมชาติแต่ก็สนุกดี ถ้าออกธรรมชาติจริงเค้าว่าได้เห็นสองอย่างต่อวันก็เก่งมากแล้วนะ โดยรวมประทับใจ ตื่นตาและสนุกดี
Along the way
March 2019