ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลัง รักษาออฟฟิศซิมโดรมแบบไหนดี Office syndrome therapy

ออฟฟิสซิมโดรม
อาการที่ทุกคนน่าจะเจอโดยเฉพาะจากการ work from home (WFH) ต้องบอกว่าเราโดนหนักมากจากการสอนออนไลน์ที่ต้องนั่งแช่อยู่กับ Zoom ทั้งวันแล้วยังไม่รวมตอนทำ slides และตรวจงานพร้อมพิมพ์คอมเมนท์กลับให้นร.ทีละ 40 กว่าชิ้นอีก จากที่อาการไม่ค่อยดีอยู่แล้วปวดตึงไหล่และแขนตลอด งานนี้เลยบาดเจ็บเจ็บเส้นเอ็นตรงกล้ามแขนและไหล่มาก ชนิดที่ทำอะไรก็ปวดไปหมด ขับรถ กินข้าว นั่ง หรือแม้กระทั่งตอนนอน เลยเป็นครั้งแรกที่ได้ออกรักษาตัวอย่างจริงจัง ปกติก็พักเอา นวดเอา หายบ้างไม่หายบ้าง แต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆ ตอนนี้ก็ถือว่าหายไปเยอะแล้วค่ะ แต่เอาจริงๆก็ยังไม่หายสนิทนะ อยากกลับไปรักษาซ้ๆก็ทำได้ยากเพราะมีการระบาดของโควิดอยู่ตลอดก็ถือว่าทุเลาไป 80% ก็ยังดี

เราก็ไปลองหลายๆวิธีและคิดว่ามันคงมีประโยชน์กับทุกๆคนที่ทรมานคล้ายๆกันเลยอยากรวบรวมวิธีต่างๆมาให้ไว้ในบล็อกนี้ค่ะ หมายเหตุการรักษาพวกนี้ปะปนมีทั้งที่เชียงใหม่และกรุงเทพเราก็ลองไปเรื่อยๆ (อันไหนเขียนไม่ครบไว้เรามาต่ออีกทีนะ)

  1. นวดไทย
    อันนี้พื้นฐานแต่มันบรรเทาปวดได้แค่วันสองวันอ่ะสำหรับเรา แถมต้องคอยหาหมอนวดคู่ใจอีก สนิทกันสักพักต้องมีอันได้ที่ทำงานใหม่ 555
  2. จัดกระดูก
    ของใหม่เพิ่งเคยลอง ที่เราว่าดีคือการจัดกระดูกสันหลังตรงแถวๆอกอ่ะ ไปถึงคลีนิกหมอเค้าก็จะให้ยืนตัวตรกับกระจกที่ติดเทปไว้เป็นแผ่นตารางๆ เพื่อดูแนวไหล่ว่าเท่ากันไหม สะโพกเท่ากันไหม หันข้างดูว่าหลังตรงไหม(คนส่วนใหญ่จะโค้งตรงที่เวลาเราก้มเล่นมือถือแบบหลังค่อมอ่ะ) แล้วก็วัดองศาคอว่าคอยื่นไหมเพราะอาการปวดต่างๆบางทีมันมาจากคอยื่นแล้วกล้ามเนื้อมันดึงไปหมดตั้งแต่คอ ไหล่ หลัง (หมอบอกหัวคนมันหนักนะ หลายกิโล) รอบแรกเลยคือโดนให้นอนคว่ำแล้วเค้ากดตรงหลังที่ค่อมอ่ะ ดังกร๊อบบบบบ ตกใจ! แต่หลังจากนั้นก็ดีเลยนะ หลังตรงหายใจโล่ง เค้าบอกกระดูกมันกดปอด ที่เหลือก็ดึงสะโพกดึงนั่นนี่หลายจุดไปหมด มีการครอบแก้ว กับใช้ปืนยิงนวด ผสมด้วย แล้วหนสุดท้ายที่ไปมีนวดโดยนักกายภาพ เราว่าอันอื่นเฉยๆแต่ที่ชอบคือแก้หลังค่อมนี่แหละ สนนราคาครั้งละ 900 บาทประมาณ 30นาที – 1ชั่วโมงแล้วแต่หมอจะผสมเทคนิคอะไรมารักษาให้บ้าง
  3. Shock wave & Focus shock wave
    เป็นการยิงคลื่น shock wave เข้าไปตรงกล้ามเนื้อที่หดเกร็งหรือมีของเสียคั่งอยู่จากอาการบาดเจ็บ เป็นคลื่นเดียวกับ shock wave แต่คลื่นรังสีจะโฟกัสมากกว่า ไม่ยิงกว้างแต่ยิงเข้มข้นกว่าแทน (เป็นภาพคืออันนึงรัศมีเป็นถ้วย อีกอันเป็นแก้วคว่ำ) หมอบอกว่าจริงๆคือมันไปทำให้กล้ามเนื้ออักเสบแล้วเรียกให้เลือดมาที่จุดเพื่อทำการรักษา เพราะปกติการปวดเมื่อยคือกล้ามเนื้อมันบมบ้างเกร็งบ้างแล้วไปบีบหลอดเลือดให้ไหลผ่านลำบาก ทำให้เราไม่หายเมื่อยหายเจ็บสักที เพราะการรักษาที่ดีคือให้เลือดนำเอาออกซิเจนมารักษาจัดนั้นๆ ราคาจะตกอยู่ที่ประมาณช็อต(การยิง)ละ 0.5-1.25 บาท (shock wave ถูกกว่า focus) ซึ่งแต่ละเจ้าอาจจะรวมหรือไม่รวมค่าหัตถการของหมอปกติจะเห็นผลก็น่าจะประมาณ 1,000 ช็อตขึ้นไป ค่าหมอเราเคยเจอที่ 1,250 บาท เวลาคิดราคานี่แล้วที่บางที่ไม่คิดค่าหมอแต่ค่าช็อตก็จะแพงขึ้นเช่นตัวอย่าง
    – ยิง 2,000 ช็อต ไม่คิดค่าหมอ 2,000×1.25 = 2,500 บาท
    – ยิง 2,000 ช็อต ค่าช็อต 0.75 คิดค่าหมอเหมา 1,000 บาท = 1,000 + (2,000×0.75) = 2,500
    – ตามโรงพยาบาลบางทีก็ให้ยา voltaren หรือยาแก้กล้ามเนื้ออักเสบมาด้วย ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกเป็นพันค่ะ
    ดังนั้นต้องลองคำนวนดู ตอนเราไปยิงหนแรกนี่โดนไปหมื่นกว่าช็อตนะ เพราะอาการหนักมาก แถวไหล่แถวแขนคือเจ็บแบบที่นอนไม่หลับวันแรกประเดิมไปประมาณ 8,500 บาท

    ถามว่าดีไหมเราว่าดีนะ เป็นการรักษาที่ง่ายสะดวกว่องไวและรู้สึกดีขึ้นทันทีหลังยิง แต่ทั้งนี้เราว่าที่สำคัญคือหมอต้องยิงเก่ง มีการวิเคราะห์เส้นหรือกล้ามเนื้อเราก่อนยิง ถ้าไปเจอหมอที่แบ่บยิงๆไป แบ่บไม่กดกล้ามเนื้อไม่จับหาเส้นเลย อาศัยว่ายิงแล้วเจ็บเดี๋ยวรู้เองงี้เราว่าไม่ดี รวมไปถึงหมอที่เอาแต่ยิงไม่แนะนำการยืดการกล้ามเนื้อให้ ไม่ได้สอนให้ปรับพฤติกรรม เน้นแต่เรื่องเงินทีต้องจ่ายหรือคุณมีงบเท่าไหร่ บอกแค่ว่ายิงแล้วหายนะแต่ทนเจ็บกับจ่ายไหวไหม แบบนี้เราว่าไม่เวิรกอ่ะ เพราะถึงจะหายมันก็แค่ชั่วคราวกลับมาเป็นอีก เนื่องจากการรักษาแบบนี้ราคาแพงมาก ก็อยากให้ทุกคนลองหาหมอที่เค้าใส่ใจคนไข้เสียหน่อยในการยิงค่ะ เราเคยเจอหมอที่ตรวจกล้ามเนื้อก่อนจนกระทั่งเอาปากาามาร์คจุดที่จะยิง ไปจนหมอที่ยิงเลยเจ็บค่อยบอกนะ ซึ่งความรู้สึกมันก็ต่างกันมากนะ
  4. Ultrasound
    เป็นการยิงคลื่นความร้อนเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง คล้ายๆข้อสาม เท่าที่ทำมาก็อารมณ์เหมือนประคบร้อนจากภายใน สบายและโล่งขึ้นนิดหน่อยแต่ถ้าเทียบกับ 3,6,7 แล้วอันนี้ไม่เห็นผลทันที
  5. ครอบแก้ว
    ไปเจอแต่ครอบแก้วที่เป็นแบบดูดสูญญากาศค่ะ เหมือนเป็ฯพลาสติกครึ่งวงกลมแล้วดูดๆที่หลังไหล่หรือตรงไหนก็ตามที่เจ็บ หลักการคือการเรียกเลือดให้เข้ามาในส่วนที่มีอาการหดเกร็งเช่นกันเพื่อให้เลือดมาไหลเวียนเอาของเสียออกไปจากตรงนั้น ดังนั้นตรงที่โดนดูดก็จะเป็นวงแดงๆ พอคลายออกเลือดก็จะเอาของเสียออกไปค่ะ ที่เราไปทำมายังไม่ค่อยรู้สึกหายเท่าไหร่
  6. ฝังเข็มจีน
    ดีมากกก ชอบที่สุด 55 รู้สึกว่าหายปวดนาน ไม่เจ็บ และเป็นการปรับสมดุลร่างกายไปเรื่อยๆ มันเป็นละศาสตร์กับข้อเจ็ดอ่ะ ของจีนไม่ได้เน้นการฝังเข็มในจุดที่เราเจ็บ แต่เป็นการฝังเข็มตามจุดเวอร์ริเดียน ให้พลังงานในร่างการเดินเพื่อซ่อมแซมตัวเอง เช่นปวดไหล่ขวา หมออาจจะปักที่เข่าซ้ายกับข้อมือขวาให้มันวิ่งถึงจุดที่เราปวดแทน โดยส่วนตัวคิดว่าหลักการไม่ต่างกันมากกับวิธีอื่นๆ แต่สำคัญว่าต้องเจอหมอเก่ง คนอื่นรักษาไงเราไม่แน่ใจนะแต่ของเราไปแผนกแพทย์แผนทางเลือกในรพ.ของรัฐ เจอหมอที่เป็นแพทย์แผนปัจจุบันแต่เค้าไปเรียนต่อที่เมืองจีนเรื่องนี้โดยเฉพาะ ตอนเราไปเจอหนสองหนแรก เค้าฝังเข็มแค่สองถึงสามเข็ม พร้อมขอดูเอกสารตรวจร่างกายประจำปีประกอบ หมอบอกว่าให้ฝังปรับสภาพก่อน แล้วค่อยเริ่มรักษาจริงๆ (เห็นหลายๆที่ไปวันแรกก็ปักเลยทั้งตัว) ไปวันเว้นวันอยู่สักสี่ห้าที แล้วก็ค่อยๆรักษาไปทีละส่วนที่เจ็บเข็มก็ค่อยๆเพิ่ม ผลข้างเคียงของการฝังเข็มจีนคือเหนื่อยและง่วง แต่จะไม่เจ็บ ปกติไปฝังเช้ากลับมาบ่ายจะสลบ ถ้าวันไหนหมอกระตุ้นเยอะก็เหนื่อยไปสองสามวันเลยทีเดียว หมอฝังเข็มไว้แล้วเราก็นอนนิ่งๆสามสิบนาทีขึ้นไป ระหว่างนอนจะรู้สึกว่ามันมีการไหลเวียนของเลือดอ่ะ บางทีก็กล้ามเนื้อกระตุกนิดหน่อย แต่พอเสร็จคือหายปวดเลย เจอแบบนี้ไปจะไม่ชอบฝังเข็มจีนได้ยังไง ที่ๆไปรักษาก็ได้ราคาถูกอยู่ ครั้งละ150 เท่านั้นเอง ที่ทั่วๆไปจะเห็นเริ่มต้น 6-700 ต่อครั้งค่ะ
  7. ฝังเข็มแผนปัจจุบัน (Dry needling) หรือการปักเข็ม
    อันนี้แนะนำ! ไม่เหมือนกับการฝังแบบจีน เค้าจะหากล้ามเนื้อที่หดเกร็งแล้วจิ้มแข็มทองแดงลงไปมีการจิ้มย้ำๆบริเวณที่เจ็บ ถ้าเจอจุดมันจะเจ็บจี๊ดๆตามแนวที่ปวด คิดภาพเหมือนกล้ามเนื้อเป็นแผ่นยางยืดหลายๆแผ่นซ้อนกันแล้วมีก้อนแข็งๆอยู่ในแผ่นยางนั้น หมอก็คือเอาเข็มจิ้มลงไปตรงก้อนนั้น แผ่นยางมันก็จะหยุ่นไปตามแรงที่โดนจิ้มใช่ไหมคะ รู้สึกประมาณนั้นล่ะ

    ไปฝังมาที่ศูนย์กายภาพสิรินธรตรงนนทบุรีบอกเลยว่าดีมาก ไปทีไรก็โดนไปประมาณสามเข็มทั้งไหล่ทั้งหลัง ค่ารักษาแค่ 600 บาท! ถูกได้อีก แล้วได้ผลพอๆกับ focus shockwave เลย แต่หลังโดนฝังแล้วบอกเลยว่าจะระบมไปสองสามวันนะ ตอนหนแรกที่ไหล่กับแขนนี่คือยกแขนไม่ขึ้นเลยอยู่สองวัน ไม่แนะนำให้ขับรถไปเองต้องหาคนไปด้วยจะดีกว่าค่ะ ถ้าอาการของคุณค่อนข้างหนัก เราพาป้าไปด้วยป้ามีอาการเจ็บรองช้ำหรือที่เค้าเจ็บตรงเอ็นร้อยหวาย เวลาตื่นนอนมาพอเหยียบลงพื้นปุ๊ปจะเจ็บเอ็นร้อยหวายแปลบ หมอตรวจดูบอกว่าอันนี้ไม่ใช่อาการของเท้าแบนแต่น่องดึงเกินไปมากจากการยืนหรือเดินนานไปแล้วไม่ยืดเส้น โดนหมอจิ้มเข็มที่น่องเช่นกัน วันต่อมาหายเลยค่ารักษาเหมือนจะ 450 บาท

    ถ้าใครสนใจอันนี้ให้หาโรงพยาบาลที่มีแผนก เวชศาสตร์ฟื้นฟูใกล้บ้านท่าน หมอส่วนใหญ่จะรู้จักกันหมดเพราะเป็นศาสตร์เฉพาะ
  8. ยืดเส้นเป็นประจำ
    อันนี้ก็แนะนำ! ดีที่สุดแล้วทำถี่ๆบ่อยๆแล้วจะหายจากอาการทั้งปวง ประหยัดด้วยไม่ต้องจ่ายสักบาท ป้องกันด้วย เมื่อก่อนเราก็เป็นนะไม่ยอมลุกอ่ะ ก็งานกำลังต่อเนื่องเสียสมาธิ พอแก่เข้าเฮ้ยไม่ไหว เจ็บแขนจนนอนไม่ได้นี่คือไม่ใช่ละ แนะนำโหลดแอปนี้แล้วตั้งให้ตัวเองลุกมายืดเส้นทุก 25 นาที โดยทำท่าพวกนี้แล้วเพิ่มอื่นๆที่ตรงจุดตัวเองเข้าไปก็ได้ค่า เราทำตามใบนี้(พรินท์วางไว้ข้างคอมเลยนะ เหลือบไปเห็นก็ทำเลยอย่ารอ) กับเพิ่มท่าโยคะที่ช่วยคลายตรงรอบสะโพกและขาในช่วงพักทุก 25 นาทีนี่แหละค่ะ ดีขึ้นทันตา วันแรกๆเจ็บหน่อย หลังๆไม่ค่อยเจ็บละ

  9. โยคะ
    นี่ก็คือดีที่สุดอีกอัน แนะนำลองไปลงเรียนกันดูค่ะ เล่นอาทิตย์แรกกลับมาสลบแถมกล้ามเนื้อสั่นไปหมด ผ่านไปสักสี่ครั้งแล้วร่างกายจะสดชื่นไปหมด เลือดลมดีไม่เจ็บไม่ปวด เพราะมันไม่ใช่แค่ยืดเส้นแต่มันเสริมให้กล้ามเนื้อแข็งแรงด้วย ไปเรียนเอาพื้นฐานแล้วกลับมาทำที่บ้านก็ได้ค่ะ
  10. กายภาพ
    แผนกกายภาพต่างๆของโรงพยาบาล ก็มีทั้งกดจุด ultrasound (ยิงคลื่นความร้อน) ประคบร้อนประคบเย็น สอนยืดเส้น เราว่าอันนี้ก็โอเคนะ แต่ต้องไปต่อคิวรพ.และไปบ่อยๆ เรืองเวลาไม่ค่อยสะดวก รวมไปถึงผลลัพธ์มันไม่ค่อยทันใจคนวัยทำงานสักเท่าไหร่ แต่ถ้ามีเวลาไปถี่ๆเราว่าอันนี้ก็ไม่โหดร้ายกับร่างกาย
  11. จัดท่านั่งให้ถูกต้อง
    เรานี่ถึงกับทยอยซื้อเก้าอี้ ergonomic chair โต๊ะทำงานปรับระดับได้ ต่อโน็ตบุ๊คขึ้นจอใหญ่(ทำอยู่แล้ว)และที่แขวนคีย์บอร์ดเพื่อให้ร่างกายอยู่ในท่าที่ถูกต้อง

อย่าลืมรักษาสุขภาพนะคะ รู้ว่างานที่ทำมันหยุดไม่ได้ หยุดแล้วจะเอาอะไรกิน แต่ต้องอย่าลืมว่าถ้าร่างพังก็ทำงานไม่ได้ก็จะไม่มีอะไรกินเหมือนกัน ดังนั้นลุกมายืดเส้นยืดสายบ่อยๆค่ะ แล้วก็ถึงคนที่ยังไม่เป็นอะไร รักษาไว้แต่เนิ่นๆเลยนะ ไม่ต้องรอเจ็บค่อยทำ สิ้นเปลืองและทรมานบอกเลย อย่างน้อยทำข้อ 8 และ 11 สม่ำเสมอค่ะ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการทำงาน 😉

28 April 2021

Along the way moment

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s